เสริมคางแผลนอก มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ

คาง นับเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่สำคัญมากของใบหน้า เพราะคางจะเป็นตัวกำหนดความสั้น ยาว ได้รูปของใบหน้า เสริมคางแผลนอก จึงเป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มสัดส่วนใบหน้าให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้ากลม หรือมีสัดส่วนของใบหน้าไม่ได้สัดส่วน มีโครงหน้าส่วนบน เช่น หน้าผาก หรือโหนกแก้มที่ยื่นออกมา แต่รูปคางที่ดูสั้น การเสริมคาง จะช่วยทำให้ใบหน้าแลดูมีมิติมากขึ้น และการเสริมคางยังเหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวเป็นใบหน้ารูปไข่ ที่เป็นรูปหน้าที่สาว ๆ ต่างพากันต้องการมากที่สุด

เสริมคางแผลนอก คืออะไร

เสริมคางแผลนอก คือการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณใต้คาง โดยจะทำการเปิดแผลขนาดประมาณ 2 – 3 ซม. จะเป็นที่นิยมน้อยกว่าการ เสริมคางแผลใน เพราะวิธีนี้สำหรับบางคน อาจเกิดแผลเป็นนูน หรือ คีย์ลอยด์หลังผ่าตัด แต่การดูแลหลังผ่าตัดจะสะดวกมากกว่าแผลภายใน

ข้อดีของการเสริมคาง

  1. ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ จากเศษอาหารและน้ำลายในช่องปาก
  2. สามารถวางตำแหน่งซิลิโคนได้ง่ายและแม่นยำ
  3. แผลมีขนาดเล็กการดูแลจึงง่ายต่อการรักษาและแผลหายเร็ว
  4. คุณหมอจะเย็บล็อคซิลิโคน ป้องกันการเบี้ยวเอียงได้
  5. ใช้เลเซอร์ร่วมกับการผ่าตัดทุกเคส ช่วยห้ามเลือด ลดอาการบวมช้ำ
  6. ถ้าต้องขูดฟิลเลอร์ ควรใช้เทคนิคแก้คางแผลนอก ขูดสารเหลวได้เกลี้ยงกว่า
  7. เคสที่เนื้อคางห้อยย้อย สามารถตกแต่งผิวหนังส่วนเกินใต้คางได้

เทคนิคการเย็บกล้ามเนื้อคาง

บางครั้งสาเหตุของการคางสั้น คางบุ๋ม หรือ คางตัด เกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณปลายคางทั้งสองข้างอยู่ห่างกัน เกิดจากกรรมพันธุ์ ซึ่งการแก้ไขอาจทำได้โดยทำให้กล้ามเนื้อปลายคางทั้งสองข้างนั้นเข้ามาชิดกัน การเย็บกล้ามเนื้อคางเป็นการแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ด้วยการเย็บกล้ามเนื้อปลายคางทั้งสองข้างเข้าหากัน โดยไม่ต้องเสริมซิลิโคน ทำให้คางดูยาวมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

เสริมคางแผลนอก เสริมคางแผลใน อันไหนดี

การเตรียมตัวก่อนเสริมคาง

  1. หากท่านมีโรคประจำตัว แพ้ยา หรือตั้งครรภ์โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือสามารถแจ้งได้ตั้งแต่ก่อนจองผ่าตัด
  2. หากต้องการใบรับรองแพทย์โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ต้อนรับ
  3. ไม่ต้องงดอาหาร ยาคุมกำเนิด หรือ ยาสำหรับโรคประจำตัว เช่น ยาลดความดันโลหิต หรือยารักษาโรคเบาหวาน
  4. งดชา กาแฟ ก่อนผ่าตัด 2 วันและเช้าวันผ่าตัด
  5. งดวิตามินอาหารเสริม ยาแก้ปวด ยาลดความอ้วน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  6. งดสูบบุหรี่ 1 เดือนก่อนผ่าตัด
  7. ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด งดแต่งหน้าและใส่คอนแทกเลนส์มาในวันผ่าตัด และควรใส่เสื้อแขนสั้น หรือเสื้อมีกระดุมหน้ามาในวันผ่าตัด
  8. ควรถอดเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ หรือต่างหู ออกก่อนเข้าผ่าตัด
  9. ควรตัดเล็บให้สะอาด เพื่อสะดวกและสะอาดในการทำแผลที่บ้าน
  10. ควรมาก่อนเวลานัด 30-45 นาที เพื่อเตรียมตัวและทายาชารอผ่าตัด

บทความแนะนำ รักษาเส้นเลือดขอด จาก Rattinan.com

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. คุณหมอจะฉีดยาชาบริเวณคางด้วยเข็มที่เล็กมากร่วมกับมีการทายาชาก่อนผ่าตัดจึงไม่รู้สึกเจ็บ จะรู้สึกเพียงตึง ๆ เท่านั้น
  2. เปิดแผลใต้คางประมาณ 5-7 มม.
  3. เลาะเนื้อเยื่อ และเยื่อหุ้มกระดูกเพื่อวางซิลิโคน
  4. ใส่ซิลิโคนและเย็บล็อค
  5. เย็บปิดแผล
  6. ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีค่ะ

การพักฟื้นและดูแลตัวเองหลังทำที่บ้าน

  1. หลังผ่าตัด 3 วัน แนะนำให้ประคบเย็น เพื่อลดความเจ็บปวดและป้องกันการบวม โดยวางเจลรอบคาง
  2. หากมีเลือดออกซึมจากแผลออกมาที่พลาสเตอร์ให้แกะพลาสเตอร์ตามข้อถัดไปและทำแผลได้เลย
  3. ครบ 3 วันสามารถแกะพลาสเตอร์ได้ หากพลาสเตอรเหนียวใช้น้ำเกลือทาบนพลาสเตอร์เพื่อให้ลอกได้ง่ายขึ้น
  4. วันที่ 4 เป็นต้นไป แนะนำให้ประคบอุ่น
  5. หลังแกะพลาสเตอร์ให้ทำแผลด้วยเบตาดีน เช้า -เย็น ทุกวัน จนไหมหลุดหมด
  6. นอนศีรษะสูง ใช้หมอนล็อคคอ ห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
  7. รับประทานยาตามที่แพทย์ให้อย่างเคร่งครัด
  8. งดล้างหน้า 7 วันหลังผ่าตัด ทำความสะอาดใบหน้าด้วยผ้าเปียกหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแทนการล้างหน้า
  9. อาการบวม เขียวช้ำ เกิดได้ปกติหลังการผ่าตัด โดยเฉพาะใน 1-2 สัปดาห์แรก และจะค่อย ๆดีขึ้น
  10. หากครบ 3 สัปดาห์ไหมไม่หลุด ให้เข้ามาตัดไหม
  11. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ 2-3 เดือน
  12. งดออกกำลังกายหนัก 1 เดือน
  13. และถ้าหากเกิดอาการผิดปกติใด ๆ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์โดยตรงจะดีที่สุด

ข้อควรระวัง

อาจไม่เหมาะกับคนที่มีเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย ดังนั้นในบางรายอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ แต่หากทำการดูแลรักษาอย่างดีทาครีมลดรอยแผลเป็นอย่างสม่ำเสมอ รอยแผลเป็นก็อาจหายได้ โดยเฉลี่ยต้องใช้ระยะนานพอสมควร ประมาณ 1-3 เดือน