กรณีที่หนุ่มสาวมีคางเล็ก คางสั้น หรือหน้ากลมเป็นเหตุให้มีรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน หากต้องการที่จะมีรูปหน้าที่เรียวสวยคงต้องพึ่งการทำศัลยกรรม ซึ่งปัจจุบันนี้การเสริมคางเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยแพทย์จะใช้การผ่าตัดเสริมซิลิโคนเข้าไปเพื่อให้ปลายคางยาวขึ้นรับกับรูปหน้า แต่หนุ่มสาวหลายคนก็อาจเจอปัญหาที่ว่า เสริมคางแล้วไม่สวย แล้วปัญหาเหล่านี้เกิดจากอะไร ดูดไขมันเพื่อลดน้ำหนัก เรามาดูกัน
เมื่อเสริมคางมาแล้วไม่สวย เกิดจากอะไร
การเสริมคางด้วยซิลิโคนแล้วไม่ได้รูปมีปัญหาคางยื่นหรือเบี้ยวเอียงผิดรูป อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- แพทย์ผ่าตัดเลาะช่องว่างเหนือกระดูกคางเดิมไม่เท่ากันหรือไม่พอดี ทำให้จัดวางซิลิโคนได้ไม่ตรงตำแหน่ง จนคางดูยื่นหรือเบี้ยวผิดสัดส่วน
- แพทย์เหลาซิลิโคนที่ใช้เสริมคางไม่เท่ากัน ทำให้เมื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปแล้วคางดูเบี้ยวเอียง
- คางถูกกระแทกอย่างแรง หรือคนไข้ชอบนั่งเท้าคาง ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมได้
- คนไข้เคยฉีดคางด้วยฟิลเลอร์คุณภาพต่ำ หากฟิลเลอร์สลายตัวได้ไม่หมดก็จะทำให้คางบิดเบี้ยวผิดรูปได้
บทความแนะนำ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร จากเว็บไซต์ Rattinan.com
จะแก้ไขอย่างไร เมื่อทำคางแล้วเกิดยื่น หรือ เบี้ยว
หลังจากที่ทำการเสริมคางมาแล้วประมาณ 1 – 3 เดือน แผลจะยุบและหายดีแล้ว ทำให้เห็นชัดเจนว่าจะเกิดปัญหาคางยื่นเบี้ยว หรือไม่ ถ้ารูปทรงที่ได้มาไม่สวย จนทำให้ขาดความมั่นใจ ท่านสามารถกลับไปหาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขได้ ซึ่งคุณหมอจะผ่าตัดเพื่อเลื่อนตำแหน่งซิลิโคนที่เบี้ยวเอียงให้เข้าที่ หรือเอาซิลิโคนของเดิมออก แล้วใส่อันใหม่ที่พอดีกว่าเข้าไป
โดยขั้นตอนการผ่าตัดแก้คาง รวมถึงการเตรียมตัวก่อนผ่า ก็เหมือนกับการเสริมคางครั้งแรกทุกอย่าง ซึ่งจะใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง และคุณหมอจะนัดมาตัดไหมในอีก 5 – 7 วันหลังจากวันผ่าตัด โดยในระหว่างพักฟื้นคนไข้ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังการศัลยกรรม รวมถึงระมัดระวังไม่ให้ใบหน้าถูกกระทบกระเทือนจนคางเบี้ยว แล้วต้องกลับมาแก้ซ้ำอีกรอบด้วย
ทำอย่างไรไม่ให้เสริมคางแล้วเบี้ยว เอียง
- หลังการผ่าตัด คนไข้ควรดูแลแผลให้ดีเพื่อไม่ให้คางอักเสบติดเชื้อ อีกทั้งต้องระวังไม่ให้คางถูกกระแทก และหลีกเลี่ยงการนั่งเท้าคาง เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเลื่อน
- ไม่ควรฉีดคางด้วยฟิลเลอร์ปลอมหรือสารเหลวที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะมีโอกาสที่จะทำให้คางเบี้ยวผิดรูป แถมยังอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ด้วย
- ซิลิโคนที่ใช้เสริมคางต้องเหลาให้เท่ากัน และมีขนาดพอดีกับรูปคางของคนไข้ ในปัจจุบันหลายคลินิกจึงเลือกใช้ซิลิโคนแบบสำเร็จรูปที่เราสามารถเลือกขนาดและรูปทรงที่ต้องการได้ โดยไม่จำเป็นต้องเอามาเหลาเองก่อนเสริม ซึ่งช่วยลดปัญหาคางเบี้ยวเอียงไปได้มากทีเดียว
- ในการผ่าตัดแพทย์อาจใช้เทคนิค Fix ซิลิโคน เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมหลังเสริมเข้าไปแล้ว โดยแพทย์อาจใช้วิธีเย็บซิลิโคนให้ติดกับเนื้อเยื่อข้างเคียง หรือยึดซิลิโคนด้วยสกรูไทเทเนียม ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดแต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น ๆ ด้วย
- ไม่ควรฉีดคางด้วยฟิลเลอร์ปลอมหรือสารเหลวที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะมีโอกาสที่จะทำให้คางเบี้ยวผิดรูป แถมยังอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ด้วย
การดูแลรักษาหลังเสริมคาง
- ควรประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมและอาการบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์
- ควรรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น อาหารเหลวหรืออาหารอ่อน และหลีกเลี่ยงการขยับปากในช่วงแรกหลักผ่าตัดเสร็จ
- งดทานอาหารรสจัด ของหมักดอง รวมถึงงดของสุกๆ ดิบๆ เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้ หันมาทานผัก ผลไม้ ไข่ หรืออาหารที่มีโปรตีนสูง
- เพื่อลดอาการบวมและอาการเลือดคั่ง ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคง
- ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด น้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดในช่องปาก
- ไม่ควรยิ้ม อ้าปากกว้าง ขยับปากแรง ๆ หรือหัวเราะมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ซิลิโคนที่ยังเกาะติดแน่นกับขอบกระดูกไม่ดีพอขยับเขยื้อนได้
บทสรุป
เสริมคางแล้วไม่สวย ปัญหาคางยื่น เบี้ยว หลังผ่าตัดนั้นเป็นปัญหาที่เราสามารถป้องกันและแก้ไขได้ หนุ่มสาวทั้งหลายจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเสริมคาง Liposuction และหากเสริมคางออกมาแล้วไม่สวยดังใจ สามารถกลับไปปรึกษาคุณหมอเพื่อหาทางแก้ไข เราจะได้มีคางสวยได้รูปในแบบที่ปลอดภัยและเป็นไปตามที่เราต้องการนั่นเอง