ศัลยกรรมใบหน้าชายเป็นหญิง สามารถทำได้จริงไหม อันตรายหรือเปล่า

ถือว่าเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมความงามเป็นอย่างมาก ไม่ได้จำกัดว่าสามารถทำได้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น สาวประเภทสองที่ต้องการศัลยกรรมใบหน้าชายเป็นหญิง เพราะรักในความสวยความงามไม่แพ้ผู้หญิงเช่นกัน แต่เนื่องด้วยลักษณะโครงสร้างใบหน้าระหว่างผู้ชายและผู้หญิง มีลักษณะที่แตกต่างกัน โครงสร้างของใบหน้าไม่ค่อยอ่อนหวาน เหมือนเช่นผู้หญิง สิ่งที่สามารถช่วยได้นั่นก็คือ การศัลยกรรมใบหน้า เพื่อสามารถตอบโจทย์ให้ได้ตรงตามความต้องการได้มากที่สุด สามารถแปลงโฉมหน้าของผู้ชายมาเป็นผู้หญิงที่สวยงาม ดูอ่อนหวานมากยิ่งขึ้น สามารถแก้ไขส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าที่มีความเป็นชายให้มีลักษณะเป็นหญิง โดยลักษณะใบหน้าที่มีความเป็นชายที่พบได้มากที่สุดคือ โหนกคิ้วสูง จมูกทรงทื่อและใหญ่ ปลายจมูกยื่น ลูกกระเดือก และสันกรามชัด ผู้ชายมักมีใบหน้ายาวกว่าผู้หญิง กระดูกหน้าผากมักเป็นสันยาวตลอดระยะหน้าผาก (กระดูกโหนกคิ้ว) ในขณะที่หน้าผากผู้หญิงจะดูมีความนุ่มนวลและเป็นทรงเรียบกว่า กระดูกโหนกคิ้วของผู้หญิงอาจนูนขึ้นเล็กน้อยหรือไม่นูนขึ้นมาเลย คางของผู้ชายมักเป็นทรงเหลี่ยม ในขณะที่คางผู้หญิงมักกลมกลึงและแหลมกว่า

จุดบนใบหน้า ที่ศัลยแพทย์ตกแต่ง นำมาพิจารณาในการออกแบบศัลยกรรมหน้า ชายเป็นหญิง

  1. ศัลยกรรมใบหน้าชายเป็นหญิง (Forehead feminization)

หน้าผากชายจะกว้างและสูงกว่าหญิง หน้าผากชายจะมีกระดูกโหนกคิ้วสูง พาดยาวจากซ้ายไปขวา แต่หน้าผากผู้หญิงจะเรียบเนียน หน้าผากชายจะลาดชันไปข้างหลังคล้ายหน้าผากซามูไร

  1. ผ่าตัดโหนกคิ้วให้เป็นแบบผู้หญิง (Eyebrows feminization)

ความแตกต่าง ของคิ้ว  ผู้หญิง และ ผู้ชายดังนี้

คิ้วผู้ชายจะหนาและเป็นเส้นตรง ในขณะที่คิ้วผู้หญิงจะเส้นเล็กและโค้ง

คิ้วผู้ชายจะอยู่ระดับกระดูกโหนกคิ้ว หรือต่ำกว่า คิ้วผู้หญิงจะอยู่สูงกว่ากระดูกโหนกคิ้ว การผ่าตัดคิ้วให้เป็นผู้หญิงโดยการ ผ่าตัดดึงคิ้วให้ โก่ง และสูงขึ้น   ส่วนความหนาของคิ้วให้ตัดแต่งออก ให้ได้รูปทรงคิ้วที่สวยงาม

  1. ผ่าตัดแก้ไขจมูก ชายเป็นหญิง (Nose Feminization)

ความแตกต่างของจมูกผู้ชายและจมูกผู้หญิงมีดังนี้

จมูกผู้ชายจะกว้างและยาว ขณะที่จมูกผู้หญิงจะแคบและสั้นกว่าจมูกผู้ชายสันจมูกแข็งจะโค้งหรือ ตรงแต่ของผู้หญิงจะโค้งดูอ่อนหวาน

  1. การผ่าตัดโหนกแก้ม ชายเป็นหญิง (Cheekbone Femininization)

โหนกแก้ม เป็นสิ่งสำคัญของใบหน้าโดยรวม ความแตกต่างระหว่างโหนกแก้มชายและโหนกแก้มหญิง โดยโหนกแก้มหญิง จะโค้งสวยงาม ทำให้ใบหน้าดูกลมกลืน เต็มอิ่ม แต่ขณะเดียวกันโหนกแก้มของผู้ชายจะต่ำแบน และเป็นมุม

  1. ศัลยกรรมตา ชายเป็นหญิง (Eyes Femininization)

ดวงตาเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่แสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึก ข้อแตกต่าง ระหว่าง ดวงตาของผู้ชายและผู้หญิง คือ ตาของผู้ชายจะมีลักษณะตาลึกและแคบ มีกระดูกโหนกคิ้วที่สูง ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงที่จะมีลักษณะตากลมโตกว่า กว้างกว่า ดูสดใสกว่า มีวิธีการผ่าตัดตา ให้มีลักษณะเป็นผู้หญิง ได้แก่ การผ่าตัดตา แบบแคทอาย เป็นการผ่าตัดตาที่ทำให้เปลือกตาบน ดูเปิดกว้างขึ้น ทำให้หางตาชี้ขึ้น คิ้วบางครั้งอาจจะต้องการ การดึงหางตาและหางคิ้วด้วย การทำแคทอายจะทำภายใต้การฉีดยาชาใช้เวลาในการผ่าตัด 2-3 ชั่วโมง การเย็บกล้ามเนื้อตา ให้แคบลง แล้วเย็บหางตา ให้สูงขึ้น ตัดหนังส่วนเกินออกเย็บเปลือกตา หลังผ่าตัด 5 วัน ตัดไหม ผู้ป่วยสามารถ กลับเข้าสู่ภาวะ และใช้ชีวิตปกติได้หลังผ่าตัด 7 วัน   (see more)

บทความแนะนำ การฉีดฟิลเลอร์ จาก Rattinan.com

ศัลยกรรมใบหน้าชายเป็นหญิง ที่ไหนดี

  1. ศัลยกรรมปาก ชายเป็นหญิง (Lips Femininization)

เป็นสัญลักษณ์ของความเซ็กซี่ และความสวยงาม ความแตกต่างระหว่างริมฝีปากชายและริมฝีปากหญิง คือ ริมฝีปากผู้หญิง จะเอิบอิ่ม เผยอ เล็กน้อย มองเห็นฟัน ส่วนริมฝีปากผู้ชายจะบางเป็นเส้นตรงและกว้าง ลดขนาดริมฝีปาก เพื่อลดขนาด และแก้ไขรูปร่างการทำริมฝีปากให้เป็นผู้หญิง

  1. กรอกระเดือก (Adam’s Apple)

กระเดือกเป็นสัญลักษณ์อันหนึ่งที่เป็นบอกความเป็นเพศชายมาตั้งแต่กำเนิด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าให้สวยงาม มีเสน่ห์ ดูอ่อนหวาน ได้สัดส่วนของความเป็นผู้หญิงแล้ว ลำคอที่เรียบเนียนระหง ต้องไม่มีลูกกระเดือกมาทำให้สูญเสียความมั่นใจการผ่าตัดเอากระเดือกออกมี 2 แบบคือ กรอกระเดือกแบบมีแผลเป็น  กรอกระเดือกแบบไร้แผล

  1. การผ่าตัดกราม ผ่าตัดคาง ชายเป็นหญิง (Chin to Jaw Reduction)

คางและกราม เป็นส่วนที่สำคัญมากของใบหน้าส่วนล่าง ความแตกต่างของกรามและคางของ ผู้ชายและผู้หญิง คางของผู้ชายจะกว้าง เป็นมุมยื่นเล็กน้อย ผู้หญิง จะดู โค้งอ่อนหวาน และมีขนาดเล็กกว่าของผู้ชาย กรามของผู้ชาย ดูใหญ่ กว้าง และแข็งแรง กรามของผู้หญิง จะแคบและโค้ง การผ่าตัดคางและกรามให้เป็นผู้หญิง

เตรียมตัวอย่างไรก่อนทำหน้าชายเป็นหญิง

  1. นำรูปภาพใบหน้าของนางแบบที่คนไข้มีความประสงค์ทำหน้าให้ออกมาใกล้เคียง เพื่อปรึกษากับศัลยแพทย์ถึงความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ที่ออกมาหลังการรักษาทำหน้าชายเป็นหญิงที่คุณคาดหวังไว้
  2. แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด ประวัติการแพ้ยา ประวัติการแพ้อาหาร หรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัดทำหน้าชายเป็นหญิง
  3. งดแอสไพริน (Aspirin) และยาในกลุ่ม NSAID (non-steroidal anti-inflammatory drug) 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากการรับประทานยาเหล่านี้ส่งผลให้เส้นเลือดไม่แข็งตัว
  4. งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์ และหลังผ่าตัด 4 สัปดาห์
  5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัดทำหน้าชายเป็นหญิง
  6. งดแต่งหน้าในที่วันเข้ารับการรักษา
  7. การดูแลหลังผ่าตัดปรับรูปหน้าชายเป็นหญิง
  8. นอนหมอนสูงสองใบ หรือ ครึ่งนั่งครึ่งนอนเพื่อช่วยในการยุบบวมเร็วขึ้น
  9. ในกรณีมีแผลผ่าตัดในปาก ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อย ๆเพื่อให้ในปากชุ่มชื้นและฆ่าเชื้อโรค
  10. ใช้ผ้ารัดหน้าที่โรงพยาบาลให้เพื่อช่วยในการยุบบวม 2-3 อาทิตย์
  11. ทำแผลให้สะอาดทุกวัน ไม่ให้มีคราบเลือดเกาะ สระผมได้หลังผ่าตัด 2 วัน
  12. 7 วันตัดไหม สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัด 2 อาทิตย์
  13. งดออกกำลังกายอย่างหักโหม 1 เดือน
  14. มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

บทความแนะนำ การฉีดฟิลเลอร์ จาก Rattinan.com

ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อน

หลังผ่าตัดปรับรูปหน้าชายให้เป็นหญิง อาจมีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนดังนี้

  1. ติดเชื้อ (Infection) จากแผล หรือจาก วัสดุที่ใช้เสริม
  2. อาการชา(Numbness)จากบริเวณแผลผ่าตัด หรือใกล้เคียง
  3. มีอาการบวม (Edema)
  4. เลือดคั่ง (Hematoma)
  5. ปวดแผล (Pain)อาจจะต้องให้ยาแก้ปวด หรือประคบน้ำแข็ง
  6. แผลช้ำเขียว(Bruising)
  7. เส้นประสาทฉีกขาด (Nerve damage) อาจจะเสียหายไปชั่วคราวหรือถาวรก็ได้
  8. อาจจะมีใบหน้า หรือองค์ประกอบบนใบหน้าไม่สมดุล (Asymmetry)
  9. เลือดออก (Bleeding)
  10. ร่างกายอาจจะไม่ยอมรับ วัสดุที่ใช้เสริม (Implant failure) อาจจะต้องเอาออก
  11. แผลหายช้า (Poor healing)
  12. เนื้อตาย (Necrosis)
  13. แผลเป็น (Scarring)