การเสริมคาง เป็นการใช้แท่งซิลิโคน เช่นเดียวกับที่ใช้ในการเสริมจมูก มีทั้งที่ขึ้นรูปมาเรียบร้อยแล้วจากโรงงาน แพทย์จะนำมาทำการตกแต่งเพิ่มอีกเล็กน้อยก่อนเสริมเข้าไป และชนิดที่แพทย์ต้องเหลาขึ้นรูปเองให้เหมาะกับลักษณะใบหน้าของแต่ละคน และเราจะเลือกเสริมทางที่ไหนดีนั้นจะต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนทำทุกครั้ง โดยการดูรีวิวจากผู้มีประสบการณ์ และศึกษารายละเอียดของคลินิกที่เราจะทำให้ละเอียด เพื่อการทำที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และสวยขึ้นอย่างที่คุณตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนการทำ และก่อนการทำทุกครั้งคุณจะต้องมีเงินและร่างกายที่พร้อมก่อนการทำเสมอ
การเสริมคางมีกี่แบบ
การเสริมมีอยู่ 2 แบบคือ
- การเสริมคางแบบฉีด
ในส่วนของการฉีดมีทั้งการฉีดเสริมคางด้วยฟิลเลอร์ และไขมัน ซึ่งวิธีนี้เมื่อทำแล้วจะไม่อยู่ถาวร ทั้งไขมันแล้วก็ฟิลเลอร์สามารถสลายไปเองในช่วง 2-3 ปี แล้วแต่บุคคล หรือในบางรายอาจะจะต้องฉีดเติมเต็มซ้ำทุก ๆ ปี
- การผ่าตัด
การผ่าตัดเสริมคางเป็นการผ่าตัดเล็กซึ่งสามารถเสริมคางได้ด้วยซิลิโคน ได้ผลถาวร ซิลิโคนสามารถจัดทรงได้โดยที่แพทย์สามารถดีไซน์ปรับทรงคางร่วมกับผู้ป่วยตามความต้องการและความเหมาะสมซึ่งการเสริมคางด้วยซิลิโคนนั้นมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เสริมคางเหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีบริเวณใบหน้ากลม คนอ้วน หรือมีรูปทรงของบริเวณใบหน้าไม่สมดุล โดยมีโครงหน้าส่วนบน อาทิเช่น หน้าผาก หรือโหนกแก้มที่ยื่นออกมา แต่กลับมาคางที่สั้น การศัลยกรรม จะช่วยปรับบริเวณใบหน้าแลดูมีมิติมากยิ่งขึ้น และเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความรี ดูเป็นรูปไข่ ให้สอดรับกับความนิยมคนในปัจจุบันนี้ นอกเหนือจากนั้นเสริมคางยังเป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพได้อีกทางหนึ่งด้วย
ซิลิโคนที่ใช้เสริมคางมีแบบไหนบ้าง
ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมคางมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดดังนี้
- ซิลิโคนขาสั้น Size S
- เหมาะกับเคสที่จะต้องเน้น เฉพาะบริเวณปลายคางให้ยาวยิ่งขึ้น
- พื้นฐานโครงสร้างคางดีอยู่แล้ว ก็แค่อยากให้รูปทรงของบริเวณใบหน้าดูยาวมากยิ่งขึ้น
- ซิลิโคนขนาดเล็กสุดแต่เข้ารูปกระดูกปลายคางได้ดี
- เนื้อซิลิโคนนุ่ม-ปานกลาง
- ซิลิโคนขาสั้น Size M
- สามารถเพิ่มความยาวของคางได้มากขึ้น ตัวซิลิโคนหนา และก็ขากว้างกว่าแบบแรก
- เหมาะกับคนคางสั้น คางตัด ที่ต้องการมิติของบริเวณใบหน้า
- เนื้อซิลิโคนขาวขุ่น นุ่ม ยืดหยุ่น
- สัมผัสหลังเสริมคางเป็นธรรมชาติ
- ซิลิโคนขายาว
- เสริมคางที่ครอบคลุมถึงรอยต่อแนวกราม
- ซิลิโคนเนื้อค่อนข้างแข็ง เน้นคงรูป เป็นทรงมากยิ่งกว่าแบบอื่น
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางตัด คางเหลี่ยม มากที่สุด
- ใช้เวลาสำหรับในการปรับทรงยาวนานกว่าปกติ ถ้าหากไม่ได้รูปจะเป็นรอยต่อซิลิโคนกับแนวกรามชัดเจนไม่เป็นธรรมชาติ
ข้อจำกัดของการเสริมคาง
การเสริมคางไม่สมควรที่จะทำกับผู้ที่อายุน้อยกว่า 17 ปี ที่การพัฒนาการของกระดูกยังคงมีต่อเนื่องได้บ้างในบางบุคคล ในขณะที่กระดูกควรจะปิดได้แล้วเมื่ออายุ 15 ปี ในทางตรงกันข้ามผู้ที่อายุมากกว่า 55 ปีก็ควรจะพิจารณาถึงสาเหตุเรื่องความแข็งแรงของกระดูกที่รองรับซิลิโคน ที่อาจจะก่อให้มีผลต่อการคงอยู่แล้วก็รูปร่างของการเสริมคาง ในอนาคต
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมคาง
- แน่นอนว่าก่อนเข้ารับการทำคางจำเป็นมากที่จะจะต้องเรียนข้อมูลให้ถี่ถ้วนเมื่อตัดสินใจได้ ว่าจะเลือกทำเสริมคางที่ไหนดี สิ่งที่จำเป็นต้องเตรียม คือ
- แนะนำว่าควรจะแจ้งข้อมูลทางด้านสุขภาพ ดังเช่น มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง มีประวัติแพ้ยาหรือเปล่า
- งดดูดบุหรี่ และแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 อาทิตย์
- งด ยาตระกูล แอสไพริน วิตามิน อาหารเสริม ดังเช่นน้ำมันตับปลา ก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 1 อาทิตย์
- ตระเตรียมรูปทรงคาง ตัวอย่างที่อยากได้ มาปรึกษาแพทย์ก่อนเข้าห้องผ่าตัด เพื่อประเมินรูปทรง
- ควรจะชำระร่างกายก่อนเข้ารับการผ่าตัด อาทิเช่น ล้างหน้าล้างตา แปรงฟัน แล้วก็บ้วนปากให้เป็นที่ระเบียบ
- รับประทานอาหารให้พออิ่มก่อนเข้าห้องผ่าตัด ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร
- ไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่มีโลหะนำไฟฟ้า ควรจะใส่เสื้อผ้าที่เป็นกระดุมหน้าเพื่อความสบายต่อการสวมใส่หลังผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัด
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อย ๆ ประมาณ 1 อาทิตย์
- อย่าใช้ลิ้นดันหรือใช้มือดึงไหมที่เย็บในปาก
- งดการบริหารร่างกายที่มีการกระทบประมาณ 4 อาทิตย์
- หลังผ่าตัดควรจะรับประทานอาหารเหลว หรืออาหารอ่อน หลบหลีกการดื่มน้ำที่ร้อนเกินไปและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด
- ในช่วง 1-3 วันแรกให้ประคบความเย็น เพื่อลดอาการบวม หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยทั่วไป อาการบวมมักจะยุบลงและก็ได้รูปร่างของคางใหม่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-3 เดือน
- บางรายอาจมีรอยเขียวบอบช้ำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลังจากการผ่าตัดประมาณ 1-2 อาทิตย์ แนะนำให้ประคบด้วยน้ำอุ่นบริเวณรอยเขียวช้ำ เพื่อให้รอยเขียวช้ำหายเร็วขึ้น
- งดทานยาแอสไพรินหลังผ่าตัดต่ออีก 2 อาทิตย์หรือตามหมอสั่ง
- ระมัดระวังการกระทบกระเทือนบริเวณคาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3-4 อาทิตย์แรก ไม่ควรท้าวคาง ไม่ควรหัวเราะมากจนเกินความจำเป็น และก็ระมัดระวังไม่ให้เกิดแรงกระแทกมากระทบซิลิโคนมากจนเกินความจำเป็น เพราะอาจจะเป็นผลให้ซิลิโคนขยับเขยื้อน จากการที่ซิลิโคนยังเกาะติดแน่นกับขอบกระดูกไม่ดีพอ
- ควรจะกินอาหารอ่อนแล้วก็นุ่มที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เพื่อลดการกระทบกระเทือนของรอยแผล เพราะว่ากล้ามเนื้อรอบ ๆ กรามทั้งสองข้างยังไม่มีแรงพอที่จะขบเคี้ยวของแข็งและของเหนียว อาการเคี้ยวอาหารไม่ได้ หรือเคี้ยวลำบาก จะเป็นปกติประมาณ 1-3 เดือน
การศัลยกรรมเสริมคางเป็นการปรับแต่งรูปหน้าให้ดูเรียวและเข้ากับใบหน้าให้มากที่สุด และจะศัลยกรรมเสริมที่หนดีนั้นคุณจะต้องศึกษาให้ดีก่อนการทำ โดยดูจากการรีวิวของคนที่เคยทำ และดูคลินิกที่มีคนทำเยอะ ๆ จะดีที่สุด เพราะคลินิกที่มีคนทำเยอะจะต้องเป็นคลินิกที่มีและปลอดภัยอย่างแน่นอน