การเสริมคาง เป็นการเสริมในส่วนของคางให้ยื่นออกมาด้านหน้าและยาวขึ้น เพื่อให้รับกับใบหน้า และบางคนยังเสริมเพื่อให้เข้ากับโหงวเฮ้งบนใบหน้าอีกด้วย และวิธีที่เป็นมาตรฐานในปัจจุบันได้แก่การเสริมด้วยแท่งซิลิโคนและการผ่าตัดเลื่อนกระดูกคาง
การผ่าตัดเสริมคาง
การเสริมด้วยแท่งซิลิโคนสามารถทำได้ง่ายกว่าเนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กและมีแผลเพียงเล็กน้อยบริเวณร่องเหงือก สามารถปรับแต่งรูปทรงของคางได้ง่ายกว่า
ส่วนการเลื่อนกระดูกคางเป็นการผ่าตัดใหญ่และต้องใช้โลหะเพื่อยึดตรึง เป็นการเปลี่ยนรูปที่ถาวร การแก้ไขในภายหลังทำได้ยากกว่า
การเสริมคางด้วยการฉีดซิลิโคนเข้าไปจะดีกว่าหรือไม่
ซิลิโคนเหลวเป็นสารต้องห้ามในการนำเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไปสารเหล่านี้จะรวมตัวกันและไหลลงมาสู่ปลายคางทำให้ คางยาวเหมือนแม่มด การแก้ไขทำได้ยากลำบากมากเนื่องจากเนื้อเยื่อปกติจะถูกผสมเข้าไปกับเนื้อซิลิโคนไม่สามารถแยกออกจากกันได้
การใช้สารเติมแต่งตัวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ซิลิโคนฉีดเสริมคาง
สารเติมแต่งประเภทคอลลาเจนมีแพทย์หลายท่านนำมาใช้ฉีดเพื่อเสริมคางเช่นกัน แต่มักอยู่ได้ไม่นาน 2-3 เดือน ก็สลายไป สารที่อยู่ได้นานมักมีส่วนของซิลิโคนผสมอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งในที่สุดก็อาจก่อให้เกิดปัญหาเดียวกับการฉีดซิลิโคนก็ได้ ดังนั้นก่อนที่จะฉีดสารเติมแต่งเข้าบริเวณคางคงต้องศึกษาสารนั้น ๆ ให้ดีเสียก่อน
เสริมคาง เหมาะกับใครบ้าง
เหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้ากลม คนอ้วน หรือมีสัดส่วนของใบหน้าไม่สมดุล โดยมีโครงหน้าส่วนบน เช่น หน้าผาก หรือโหนกแก้มที่ยื่นออกมา แต่กลับมาคางที่สั้น การศัลยกรรม จะช่วยทำให้ใบหน้าแลดูมีมิติมากขึ้น และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความรี ดูเป็นรูปไข่ ให้สอดรับกับความนิยมคนในปัจจุบัน นอกจากนี้เสริมคางยังเป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพได้อีกทางหนึ่งด้วย
ข้อจำกัดของการเสริมคาง
การเสริมคางไม่ควรทำกับคนที่อายุน้อยกว่า 17 ปี ที่การพัฒนาการของกระดูกยังคงมีต่อเนื่องได้บ้างในบางคน ทั้งที่กระดูกควรจะปิดได้แล้วเมื่อวัน 15 ปี ในทางกลับกันคนที่อายุมากกว่า 55 ปีก็ควรพิจารณาถึงปัจจัยเรื่องความแข็งแรงของกระดูกที่รองรับซิลิโคน ที่อาจจะทำให้มีผลต่อการคงอยู่และรูปร่างของการเสริมคาง ในอนาคต
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
- แจ้งประวัติการแพ้ยา หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลและแจ้งแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดด้วย
- ศัลยแพทย์อาจจะต้องมีการประเมินโครงสร้างฟัน กราม การสบฟันก่อนที่จะมีการเสริมคาง เพราะความผิดของการสบฟันบางอย่าง โดยเฉพาะกลุ่ม malocclusion หรือสบฟันผิดปกติร่วมด้วย ควรจะต้องมีการศัลยกรรมโดยการเลื่อนกระดูกคางออกมา แทนการเสริมคางด้วยซิลิโคน เพราะจะแก้ได้ทั้งสองปัญหาคือการสบฟันผิดปกติและความสวยงามสมส่วนของใบหน้า
- ไม่ต้องงดอาหาร รับประทานอาหารตามปกติ และควรแปรงฟันให้สะอาดก่อนมาผ่าตัด
- งดยาแอสไพริน, ไอบิวโพรเฟน และวิตามินอี ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ก่อน – หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
การดูแลหลังผ่าตัด
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อย ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์
- อย่าใช้ลิ้นดุนหรือใช้มือดึงไหมที่เย็บในปาก
- งดการออกกำลังกายที่มีการกระทบกระเทือนประมาณ 4 สัปดาห์
- หลังผ่าตัดควรทานอาหารเหลว หรืออาหารอ่อน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ร้อนเกินไปและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- ในช่วง 1-3 วันแรกให้ประคบความเย็น เพื่อลดอาการบวม หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยทั่วไป อาการบวมมักจะยุบลงและได้รูปร่างของคางใหม่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-3 เดือน
- บางรายอาจมีรอยเขียวช้ำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลังจากการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ แนะนำให้ประคบด้วยน้ำอุ่นบริเวณรอยเขียวช้ำ เพื่อให้รอยเขียวช้ำหายเร็วขึ้น
- งดทานยาแอสไพรินหลังผ่าตัดต่ออีก 2 สัปดาห์หรือตามแพทย์สั่ง
- ระมัดระวังการกระทบกระเทือนบริเวณคาง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 3-4 สัปดาห์แรก ไม่ควรท้าวคาง ไม่ควรหัวเราะมากจนเกินไป และระมัดระวังไม่ให้เกิดแรงกระแทกมากระทบซิลิโคนมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ขยับเขยื้อน จากการที่ซิลิโคนยังเกาะติดแน่นกับขอบกระดูกไม่ดีพอ
- ควรรับประทานอาหารอ่อนและนิ่มที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เพื่อลดการกระทบกระเทือนของบาดแผล เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณกรามทั้งสองข้างยังไม่มีแรงพอที่จะขบเคี้ยวของแข็งและเหนียว อาการเคี้ยวอาหารไม่ได้ หรือเคี้ยวลำบาก จะเป็นปกติประมาณ 1-3 เดือน
ระยะการพักฟื้น
- หลังการผ่าตัดเสริมคาง สามารถกลับบ้านได้เลย
- ควรประคบความเย็นบ่อย ๆ 2 วันแรกหลังผ่าตัด
- หลังจาก 2 วันแรกประคบอุ่นสลับกับเย็น เพื่อช่วยให้บริเวณคางยุบบวมเร็วขึ้น
- จะรู้สึกตึงที่บริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งอาการจะค่อย ๆ หายไปเอง หลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์
- โดยทั่วไปหลังผ่าตัด คางจะยุบบวมและได้รูปทรงใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนช่วยปรับรูปหน้าจากที่เคยสั้น คางหลุมหรือคางเล็กให้ยาวเรียวขึ้นได้ การจะมีใบหน้าที่สวยงามนั้น ทุกส่วนของใบหน้าต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อคางเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เกิดความสมดุลของใบหน้า จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ความนิยมในการเสริมคางจะเพิ่มมากขึ้น
