การทำศัลยกรรมใบหน้า ไม่จำเป็นต้องยกเครื่องกันทั้งหน้า เพียงแต่ท่านแก้ไขในจุดที่มีปัญหาก็สามารถทำให้ท่านสวยได้ หลังทำแน่นอนว่าใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับว่าปรับแก้มากน้อยเพียงใด ศัลยกรรมเป็น การเปลี่ยนแปลงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย แก้ไขเพื่อให้รับกับใบหน้าของเรา
ส่วนใหญ่ที่นิยมกันทำมากบนใบหน้า เพื่อปรับเปลี่ยนองค์ประกอบแต่ละส่วนบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นตา จมูก ปาก กราม คาง
ศัลยกรรมตา
ส่วนใหญ่ตา จะนิยมทำตา 2 ชั้นกัน เพราะจะช่วยให้ดวงตากลมโตช่วยให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้น เมื่อทำแล้วจะได้ชั้นตาใหม่ทำให้ดวงตาดูกลมโตสวยงาม นอกจากนี้ยังมาการทำตา เช่น แก้ไขหนังตาตก ดูดไขมัน และผ่าตัดถุงไขมันใต้ตา
ศัลยกรรมจมูก
ศัลยกรรมเสริมจมูก เพื่อให้รับกับใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น การตัดปีกจมูก การตัดปลายจมูก เมื่อทำแล้วจะได้จมูกที่สวยงามได้สัดส่วน หลังเสริมหากรูปของจมูกดูใหญ่ไม่เหมาะกับใบหน้า
ศัลยกรรมตัดกราม
การตัดกรามเป็นอีกหนึ่งศัลยกรรมใบหน้าที่มีคนสนใจทำกันมากขึ้น ซึ่งการตัดกรามทำให้หน้าเรียวขึ้นได้เนื่องจากแพทย์จะตัดแต่งกระดูกขากรรไกรที่ยื่นออกให้เล็กลง ใบหน้าก็จะดูแคบเรียวและอ่อนโยนขึ้น
ศัลยกรรมคาง
ศัลยกรรมคางที่มักจะทำกัน ที่พบบ่อยจะมี 2 กรณีคือ
- คางสั้น แก้ไขด้วยการผ่าตัดเสริมคาง ช่วยให้ใบหน้าเรียวยาวขึ้น ปัจจุบันนิยมผ่าตัดนิยมผ่าตัดผ่านทางช่องปากมากกว่าเปิดแผลบริเวณใต้คางด้านนอก เพราะจะไม่มีแผลเป็นให้เห็น
- คางยาวหรือคางยื่น ทำให้รูปหน้ายาวเกินไป ปัญหาคางยื่นเกิดจากขากรรไกรล่างและฟันล่างทั้งหมดยื่นออกมาด้านหน้า ฟันบนจึงเหลื่อมกับฟันล่าง การแก้ไขจะใช้การผ่าตัดร่วมกับการจัดฟัน การรักษาต้องใช้เวลานานพอสมควรอย่างน้อย 1-2 ปี
ศัลยกรรมริมฝีปาก
การศัลยกรรมปาก หรือ ตกแต่งริมฝีปาก เพื่อให้ริมฝีปากบางลง ปากกระจับ ปากเข้ารูป เป็นที่นิยมสำหรับคนที่มีริมฝีปากหนา
สิ่งที่ท่านจะทำศัลยกรรม ท่านต้องเตรียมตัวอย่างไร
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงก่อนที่ท่านจะเข้ารับการใช้บริการ เพราะการทำศัลยกรรมเป็นการผ่าตัดตกแต่ง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเล็ก หรือใหญ่ล้วนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น
สถานประกอบการ
ก่อนอื่นต้องเลือกคลินิก หรือโรงพยาบาล ที่จดทะเบียน ได้รับใบอนุญาตจาก องค์การอาอนามัย อาหารและยาว่าถูกต้องตามกฎหมาย มีห้องผ่าตัด อุปกรณ์ และบุคลากรพร้อม สะอาด สถานที่ตั้งเดินทางสะดวกสบาย อยู่ในแหล่งธุรกิจ หรือการค้า
แพทย์
แพทย์ที่จะให้บริการด้านศัลยกรรมจำเป็นต้องเป็นแพทย์หรือศัลยแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันที่ทางราชการรับรองในการทำหัตถการ
และที่สำคัญตัวผู้รับบริการเอง ต้องอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ จึงจะสามารถทำได้
ความเสี่ยงในการทำศัลยกรรม
- เสี่ยงในการติดเชื้อ
การติดเชื้อในบางครั้งอาจเกิดขึ้นภายในร่างกายและมีอาการที่รุนแรง ซึ่งเกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในการทำศัลยกรรม จนอาจต้องให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาอาการที่เกิดขึ้น
- ระบบเส้นประสาท หรือเกิดอาการชา
ความเสียหายของเส้นประสาทส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นชั่วคราว จะหายภายใน 6 เดือน
- การเสียเลือด
การเสียเลือดระหว่างการผ่าตัด ที่มากจนเกินไปและไม่สามารถควบคุมได้ จะส่งผลไปยังการลดลงของความดันโลหิต ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- แผลเป็น
การทำตามแนะนำของแพทย์จะช่วยลดแผลเป็นได้เป็นอย่างดี
- ผลลัพธ์ที่อาจออกมา
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้ ดังนั้นก่อนทำต้องปรึกษาแพทย์ ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หากเรารับได้ก็สามารถทำได้
- อาการน้ำคั่งใต้ผิว (Seroma)
อาการน้ำคั่งใต้ผิวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากได้รับการผ่าตัดแทบทุกชนิด ดังนั้นแพทย์จะให้ยาลดบวม ดังนั้นเราต้องกินยาและทำตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
ข้อดี
การทำศัลยกรรมหากทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็ทำให้รูปลักษณ์ดียิ่งขึ้น สวย หล่อ ช่วยแก้ปัญหาที่กระทบต่อการใช้ชีวิตให้หมดไป ยิ่งผู้ที่ใช้หน้าตาด้วยแล้ว หากทำแล้วออกมาดูดี ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจ และความมั่นคงได้เป็นอย่างดี
ข้อเสีย
การผ่าตัด เล็ก หรือ ใหญ่ มีความเสี่ยงทั้งหมด และมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าทำ และค่าแก้ ดังนั้นก่อนทำต้องศึกษาหาข้อมูลดี ๆ ไม่ต้องรีบด่วนตัดสินใจ ศึกษาข้อมูลดี ๆ หาเวลาให้ลงตัว เพราะหลังทำเราต้องพักฟื้นอีก การศัลยกรรมจะต้องใช้เวลา รอแผลหาย กว่าจะเข้าที่ใช้เวลาเกือบจะปี ส่วนอาการบอบช้ำบวมในแต่ละคนแตกต่างกัน หายช้า หายไว เช่นกัน