ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ปลอดภัยไหม มีลักษณะเป็นอย่างไร

ร้อยไหมก้างปลา เป็นศัลยกรรมความงามบนใบหน้าที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ ที่กำลังมีปัญหาการหย่อนคล้อย บริเวณแก้มที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้นและสิ่งที่ตามมา คือ ปัญหาร่องแก้มนั่นเอง การร้อยไหมจะช่วยยกกระชับ ทำให้หน้าเรียว และใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องการมากที่สุด ซึ่งการร้อยไหมนั้นคือการนำเส้นไหมชนิดพิเศษมาร้อยเข้าไปบริเวณใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบ ๆ เส้นไหม ทำให้ใบหน้าเกิดแรงตึงและยกกระชับ ซึ่งการร้อยไหมถือเป็นการทำศัลยกรรมอย่างหนึ่ง แต่เป็นการปรับรูปหน้าให้กระชับและเรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อยอีกด้วย ถือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี

ลักษณะของไหมก้างปลา

เป็นไหมละลายมีลักษณะเส้นใหญ่ เป็นเทคนิคใหม่ รูปทรงลักษณะคล้ายก้างปลา นำเข้าจากอเมริกา และเกาหลีให้ผลเทียบเท่าการทำศัลยกรรมดึงหน้าขนาดเล็ก ยกกระชับได้อย่างชัดเจน ไม่บวม มีแค่รอยคล้ายรอยสิวเล็ก ๆ ตรงทางเข้าของเส้น ไหมก้างปลา (BARB) ซึ่งจะจางหายไป และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร้อยซ่อนไว้ที่กรอบรูปหน้า ไม่ให้เห็นร่องรอยการร้อย จึงไม่ต้องมีความกังวลเรื่องรอยช้ำ หรือรอยแผล ใช้เพียงน้อยเส้น ผิวจะยกกระชับขึ้นหลังรับบริการ ไหมก้างปลา (BARB ) จะเน้นกลุ่มคนผู้ที่ต้องการยกกระชับหรือมีผิวหนังหย่อนคล้อย และไม่ใช่เพียงที่ยกกระชับเพียงเท่านั้นแต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการร้อยไหมก้างปลา คือช่วยให้ได้ใบหน้าเรียว V shape อย่างชัดเจน

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม

  1. ควรงดยา อาหารเสริม และวิตามินที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดและการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น ยาแอสไพริน ยาพาวิก อาหารเสริมจำพวกวิตามินอี ฯลฯ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนร้อยไหม
  2. คนที่ร้อยไหมจะต้องไม่เป็นแผลคีลอยด์ ไม่แพ้ยาชา และไม่เป็นโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดรุนแรง
  3. ควรหลีกเลี่ยงการร้อยไหมในระหว่างที่มีประจำเดือน

ขั้นตอนการร้อยไหม

  1. ล้างทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการ
  2. แพทย์จะทำการทายาชาหรือทำการฉีดยาชาในบริเวณที่ต้องการร้อยไหมยกกระชับ นาน 45-60 นาที บริเวณที่จะทำการร้อย
  3. แพทย์นำเส้นไหมที่อยู่ตรงปลายเข็มเข้าไปยึดตามเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
  4. แพทย์จะร้อยไหมเข้าไปที่ชั้นผิวหนังแท้กับชั้นใต้ผิวหนัง โดยจะไม่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งวิธีการร้อยเรียงเส้นไหม แพทย์จะพิจารณาตามโครงหน้าของคนไข้เป็นหลักในเวลาเพียง 30-60 นาที
  5. หลังการร้อยไหม คนไข้จะเห็นถึงผลการเปลี่ยนแปลงโดยรู้สึกว่าผิวกระชับ ตึงขั้น หน้าเรียว V shape คนไข้อาจรู้สึกตึงบริเวณผิวที่ทำการร้อยไหม และมีรอยแดงตามแนวการร้อยไหมชั่วคราวเพียงเล็กน้อยและจะหายไปเอง

ร้อยไหมก้างปลา ดีไหม

การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม

ในช่วง 1-2 วันแรกหลังการร้อยไหม ให้ประคบเย็นบ่อย ๆ เพื่อลดอาการบวม รวมถึงรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หน้า การนวดหน้า หรือการโดนความร้อน ประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้สำหรับใครที่มีอาการบวม ฟกช้ำ ก็ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะอาการเหล่านี้จะหายไปเองประมาณ 1 สัปดาห์ และใบหน้าจะเริ่มเข้าที่ภายใน 1 เดือน

ผลข้างเคียง และข้อควรระวังหลังเข้ารับบริการ

ก่อนทำแพทย์จะทายาชาร่วมกับฉีดยาชาในบางตำแหน่งก่อนร้อยไหม หลังจากนั้น แพทย์จะนำเส้นไหมที่อยู่ตรงปลายเข็มเข้าไปยึดตามเนื้อเยื่อผิว โดยจะใช้วิธีการร้อยเรียงเส้นไหมและแพทย์จะพิจารณาตามโครงหน้าของคนไข้เป็นหลักในเวลาเพียง 20-40 นาที ขณะทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย อาจพบรอยช้ำตามแนวรอยไหมได้บ้าง ร่วมกับอาการบวม แต่จะหายไปเองโดยไม่ต้องพักฟื้นภายใน 1?2 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนในช่วงประมาณ 2 เดือนหลังร้อยไหม และอาจจะเห็นผลต่อเนื่องนานประมาณ 1-2 ปี หลังจากนี้ก็ต้องมาทำการร้อยไหมใหม่อีกครั้ง เนื่องจากการร้อยไหมละลายไม่ได้เย็บไหมไว้ด้านในชั้นผิวหนัง SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ซึ่งอยู่ลึกกว่าผิวชั้นหนังแท้ จึงไม่อาจทำให้เกิดความแข็งแรงเทียบเท่าการผ่าตัดดึงหน้า

ข้อควรระวังหลังจากทำร้อยไหม คือ ไม่ควรทำเลเซอร์หรือหัตถการใด ๆ กับใบหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ และไม่ควรนวดหน้าแรง ๆ ในตำแหน่งที่ร้อยไหมประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้ อาจจะมีการเกิดผิวหนังบวมแดง หรือ ตุ่มแดงตามแนวที่ร้อยไหมได้เนื่องจากเกิดการแพ้ไหมละลาย มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออันมาจากการใช้เข็มสอดเส้นไหมจำนวนมากเข้าไปที่ผิวหนัง เช่นเดียวกับการฉีดโบท๊อกซ์และฟิลเลอร์ และอาจทำให้เกิดรอยบุ๋มของผิวหนัง หรือ ผิวหนังทั้งสองข้างยกกระชับไม่เท่ากัน อีกทั้งคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นโดยไหมลละลาย อาจเป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในแผลเป็นลักษณะคล้ายพังผืด

ผลลัพธ์ที่ได้จากการร้อยไหมก้างปลา

หลังการร้อยไหมก้างปลาละลายคนไข้จะรู้สึกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันทีและจะเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้นภายใน1-2 เดือน แต่จะเห็นผลชัดเจนที่สุดเมื่อถึง 6 เดือนและอาจอยู่ได้นาน 1-1.6 ปีขึ้นกับการดูแลรักษาของคนไข้ผู้ได้รับการร้อยไหม เช่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอดูแลเอาใจใส่เรื่องการทานอาหารการงดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และที่สำคัญที่สุดคือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ